ซึ่งธนาคารโลกระบุว่า “โลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ยืดเยื้อของการเติบโตที่อ่อนแอ และยุคของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น”
เนื่องด้วยโลกมองว่าอาเซียนมีศักยภาพในแง่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ไทยจึงควรใช้โอกาสนี้ดึงดูดการย้ายฐานผลิต และซัพพลายเชนมายังไทยและภูมิภาคอาเซียน จึงจะสามารถต่อยอดให้ประเทศหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง และพร้อมรับความท้าทายในอนาคต
นี่คือข้อเสนอฝั่งเศรษฐกิจให้กลับไปหาหลักการ ‘โลกาภิวัตน์เก่า’ แบบเบรตตันวูดส์เพื่อจัดการกับภาวะโลกปั่นป่วน
“ภาคภูมิไทย” เอกลักษณ์ไทยจากบรรพชนสู่คนรุ่นใหม่
แล้วสังคมไทยยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวกับความปั่นป่วนของโลกแค่ไหน
สนับสนุนการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทยและภูมิภาค รวมถึงเสริมสร้างบทบาทของ ธปท. ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
สถิติข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรม ยอดคงค้างสินทรัพย์และหนี้สินทางการเงินระหว่างผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศและผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศ สถิติการคลัง
วัง
นักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟระบุในบล็อกว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ เงินเฟ้อน่าจะอยู่ในระดับปานกลาง เพราะว่า ปัญหาอุปทานจะผ่อนคลายลง และการคลังแบบหดตัวจะขึ้นอยู่กับด้านอุปสงค์ การที่เฟดออกระบุว่า จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ไม่ได้ทำให้มุมมองทางเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป ถ้ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางตามที่คาดไว้
*หากเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นมาก แบงก์ชาติมีมาตรการพร้อมจะนำออกมาใช้
เพราะเห็นว่าโลกาภิวัตน์แบบที่เป็นอยู่นั้นล้นเกินและปิดกั้น ในขณะที่ชาตินิยมไม่ควรเป็นเครื่องมือของฝ่ายขวาสุดโต่งดังที่เป็นอยู่
หรือเมืองไทยจะกลายเป็น ‘เซฟเฮาส์โลก’ ชาวเมียนมาแห่ซื้อคอนโดฯ ในไทย สะท้อนอะไร ?
ในปีที่แล้ว ธนาคารโลกได้จัดทำรายงานการจัดเก็บรายได้ paying assessment พบว่า ไทยยังมีโอกาสที่จะเพิ่มภาษี เพื่อเอาไปลงทุน
ในฝั่งการเมือง ประเด็น ‘การเมืองเชิงอัตลักษณ์’ หรือ เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน identification politics เป็นศูนย์กลางของข้อถกเถียง